นิทรรศการห้องพุทธศาสนา เครื่องสักการะล้านนา และนิทรรศการทูลพระขวัญ นิทรรศการช่อฟ้า ป้านลม หางหงส์

นิทรรศการห้องพุทธศาสนา เครื่องสักการะล้านนา

พัฒนาการ จุดกำเนิดเครื่องสักการะ

ความเชื่อก่อนพุทธกาล  เป็นความเชื่อในเรื่องของเทพเจ้า  สิ่งยึดเหนี่ยวทางจิตใจของชาวอินเดียก่อนพุทธกาล คือการอ้อนวอน บูชา เซ่นสรวง บูชายัญ คิดแต่จะร้องขอ อ้อนวอน รอคอยเทพเจ้าให้ดลบันดาลในสิ่งต่าง ๆ

ความเชื่อสมัยพุทธกาล  ตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า คือ การมองแบบธรรมชาติให้พิจารณาตามหลักเหตุและผล และการลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง  สมัยอดีตพุทธศาสนิกชน ยังไม่ทราบวิธีการจัดทำพุทธบูชา จะเห็นได้จากนำดอกไม้ ไปบูชาต้นไม้ใหญ่  หรือบางครั้งก็นำดอกไม้ไปบูชาก้อนหินเป็นต้น เมื่อกาลเวลาเปลี่ยนไป พระพุทธศาสนาเป็นที่รู้จักแพร่หลาย เหล่าพุทธศาสนิกชน  จึงนำดอกไม้ ธูป เทียน ของหอมเข้าไปนมัสการบูชาพระพุทธเจ้า ต่อมาจึงได้คิดสร้างสิ่งของเครื่องใช้ในทางพระพุทธศาสนาที่อยู่ในธรรมชาติ  ใช้ได้นาน คงทน เช่น  ไม้ไผ่ สร้างเป็นอาสนะสงฆ์ (ที่นั่งพระสงฆ์) กุฎิสงฆ์ (ที่พัก) ต่อมาได้นำคติความเชื่อทางศาสนามาเชื่อมโยง ผสมผสาน เช่น สัตตภัณฑ์ (เชิงเทียน)  คือ การบูชาเขาที่ล้อมรอบเขาพระสุเมรุทั้ง ๗ อันเป็นศูนย์กลางของจักรวาล  โดยในสมัยก่อนได้สร้างขึ้นในรูปแบบที่แตกต่างกัน แต่สร้างสรรค์ด้วยแรงศรัทธา  ต่อมาได้มีการพัฒนาโดยการนำภูมิปัญญาที่สะสมมายาวนานถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น  การสร้างสรรค์เครื่องสักการะจึงมีรูปแบบ วัตถุประสงค์ในการสร้างชัดเจนมากขึ้น ประณีตขึ้น จะพบเห็นได้จากการใช้วัสดุที่คงทน มีการใช้สี  เขียนลายเส้น มีการเขียนลวดลาย ลงรักปิดทอง หรือเขียนรูปภาพที่แฝงด้วยคติทางศาสนา เช่น ภาพนกหัสดีลิงค์ และมีการจัดวาง เพื่อให้การความสวยงาม ความมีมนต์เสน่ห์ เพื่อให้เกิดมีมูลค่า และเกิดความศรัทธายิ่งขึ้น

ประเภทของเครื่องสักการะ

๑. เครื่องสักการะพระรัตนตรัย เช่น สัตตภัณฑ์ โคม บันไดแก้ว-เงิน-ทองคำ สุ่มดอกผางปะตี๊ด ต้นเทียน ต้นผึ้ง หมากเบ็ง และขัน (พาน) ซึ่งจะมีชื่อเรียกแตกต่างกันไปสำหรับงานพิธีกรรมต่าง ๆ เป็นต้น
๒. เครื่องสักการะพระพุทธ เช่น อาสนา สาดบ่าง หมอนผา คาเขียว ขี้ผึ้งติดตาพระเจ้า เครื่องราชกกุธภัณฑ์ (เครื่องสูง) แว่นสายตาพระเจ้า เป็นต้น
๓. เครื่องสักการะธรรม เช่น ธรรมมาสน์  ค้างธรรม หีบธรรม คัมภีร์ธรรม เหล็กจาร ไม้ประกับผ้าห่อคัมภีร์ เป็นต้น
๔. เครื่องสักการะพระสงฆ์ เช่น อาสนะสงฆ์ เครื่องอัฐบริขารเป็นต้น
๕. เครื่องสักการะในงานประเพณีต่างๆ  เช่น  งานเทศน์มหาชาติ งานปอยหลวง เป็นต้น
๖. เครื่องสักการะเนื่องในปัจจัย ๔ เช่น ประเภทผ้า ประเภทฝ้ายและด้าย ประเภทธุง (ตุง) ช่อ ประเภทข้าวและอาหาร ประเภทยา เป็นต้น

 

เครื่องสักการะ

ปราสาท(บุษบก)

บุษบก หมายถึง เป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์หรือประดิษฐานพระพุทธรูป ซึ่งชาวล้านนาเรียกว่า “ปราสาท” เพื่อให้ดูสวยงาม มีคุณค่า น่าเคารพ  ส่วนที่มีขนาดเล็กมักสร้างขึ้นเพื่อใช้ในงานสำหรับอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระพุทธรูปสำคัญ

*  บุษบกที่มีขนาดใหญ่ ชาวล้านนา เรียกว่า ผาสาท ส่วนบุษบกที่มีขนาดเล็ก เรียกว่า  ผาสาทน้อย

ปราสาทน้อย

ใช้สำหรับอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ และพุทธรูปสำคัญๆ และใช้ประดิษฐานพระพุทธรูป

 

 

ธรรมาสน์

ที่นั่ง สำหรับพระสงฆ์นั่งแสดงธรรม หรือเทศน์ธรรมบางแห่งเรียกว่า ธรรมาสน์แก้ว อาสนะแก้ว กระดานคำ กระดานทอง มณเฑียรคำ แท่นเทศน์ แท่นธรรมาสน์ ปราสาทแก้ว ชื่อเหล่านี้ เรียกกันตามท้องถิ่นทั่วไปในล้านนา

 

อาสนะสงฆ์

ชาวล้านนาเรียกว่า แท่นสังฆ์ คือ ที่นั่งสำหรับพระสงฆ์ มีลักษณะเป็นตั่งแนวยาวหรือลักษณะคล้ายเตียงนอน ซึ่งบางที่ก็มีที่พิงด้านหลังและด้านข้าง ขนานไปกับผนังของวิหารของวัดต่าง ๆ

 

 

สัตตภัณฑ์

      เชิงเทียนไว้จุดเทียนบูชาพระรัตนตรัย/ประธานในวิหาร  สัตตภัณฑ์ หมายถึงพุทธปรัชญาหรือหลักปฏิบัติในพุทธศาสนาอันหมายถึง โพชฌงค์ ๗ (ธรรมที่เป็นองค์แห่งการตรัสรู้ สติ ธัมมวิจยะ วิริยะ ปีติ ปัสสัทธิ สมาธิ อุเบกขา) สัทธัมมะ ๗ หรือสัปปุริสธัมมะ ๗ (คุณสมบัติของคนดี) และแนวที่สอง หมายถึงทิวเขาทั้ง ๗ ที่เรียงรายลดหลั่นล้อมรอบเขาพระสุเมรุ  (ยุคันธร อิสินธร กรวิก สุทัสน์ เนมินธร วินันตกะ และอัสสกัณณ์)

จองสูตร

จอง เป็นภาษาล้านนา แปลว่า เตียง ส่วนคำว่าสูตรหรือสวด นั้นคือสวดมนต์ จองสูตรคือ เตียงสำหรับให้พระสงฆ์นั่งในการสวดมนต์ ซึ่งจะใช้เป็นที่สวดพระอภิธรรมในงานราชพิธีสำหรับเจ้าฟ้าเจ้าแผ่น สวดพุทธาภิเษก และใช้ในพิธีเสกซ้อม ย้อมยศพระพุทธรูป

 

หีบธรรม

หรือหีบใส่ธรรม หรือที่ชาวล้านาเรียกว่า “หีดธรรม” หมายถึง ตู้สำหรับใช้เก็บคัมภีร์ใบลาน ชาดก นิทาน ตำรายาต่าง ๆ  ในล้านนาคัมภีร์ใบลานจะถูกบรรจุลงในหีบธรรมเพื่อให้พ้นจาก แมลงและฝุ่นละอองและมือเด็ก

 

อาสนา

ชาวล้านนาเรียก “ช่องอาสนะ”คือ แท่นบรรทม (เตียงนอน) ที่จัดไว้สำหรับเป็นที่ประทับของพระพุทธเจ้า ในอาสนาประกอบด้วย สาดบาง หรือที่ชาวล้านนาเรียกว่า“ตองสาด”  และหมอนผา คือ หมอนขวานหรือหมอนสามเหลี่ยม

 

 

เครื่องราชกกุธภัณฑ์ (เครื่องสูง)

ถือเป็นสิ่งที่คู่กับอาสนาและประจำอยู่คู่กับพระประธานในวิหาร แสดงถึงความเป็นชนชั้นกษัตริย์ของพระพุทธเจ้า และใช้ประกอบพิธีสมโภชพระพุทธรูป หรือ “พิธีบวชพระเจ้า” ซึ่งเป็นพิธีสำคัญและยิ่งใหญ่ของชาวล้านนามาช้านาน โดยทั่วไปเครื่องราชกกุธภัณฑ์ของล้านนาจะประกอบด้วย

๑.  ฉัตรหรือกุบละแอ

๒.  ไม้ส่วกเท้า

๓.  บังวันหรือบังสูรย์

๔.  ปัดป๊าว

๕.  จามรหรือจาวมอร

๖.  วี (พัด)

 

แว่นสายตาพระเจ้า (แว่นพระเจ้า)

หมายถึง การเกิดพระญาณของพระพุทธเจ้า หรือดวงปัญญาทิพย์ ๓  ดวง ในการสื่อถึงการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ได้แก่

๑. อตีตังสญาณ คือส่องเห็น อดีตชาติ ของพระองค์ที่อุบัติขึ้นในโลกบำเพ็ญบารมีมา โดยลำดับ

๒. จตูปปาตญาณ คือ ส่องเห็น การเกิด การตาย ของสัตว์ทั้งหลาย ทั้งอดีตปัจจุบัน

๓. อาสวักขยญาณ หมายถึง ส่องให้เห็นความ หมดสิ้นไปแห่งกิเลสและอาสวะทั้งหลาย ทั้งที่เป็นของหยาบ และละเอียดให้หมดไป

 

 

 

สิ่งของเครื่องใช้ในพิธีกรรม พิธีการ หรือเครื่องสักการะทั้งหลายนี้ถือเป็นเครื่องมือแห่งอามิสบูชา  อันเป็นต้นกำเนิดแห่งความเลื่อมใส  เป็นเครื่องสร้างกำลังใจให้พุทธศาสนิกชนมีความผูกพันอย่างลึกซึ้งต่อการนับถือพระพุทธศาสนา และนำเข้าสู่การปฏิบัติบูชาในภายหลัง  อีกทั้งยังเป็นสิ่งที่แสดงถึงเรื่องราวที่โยงกับวิถีชีวิตของประชาชนโดยเฉพาะชาวล้านนา ซึ่งเป็นเสมือนกระจกสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นมาที่มีประเพณี พิธีกรรมห่อหุ้มไว้ ทำให้ชาวล้านนายึดมั่นในครองธรรมที่ดีงามของสังคม เป็นสิ่งที่สื่อบ่งบอกถึงความงามทางศิลปะและจริยธรรมในชุมชน สังคม อันเป็นเครื่องแสดงถึงอารยะธรรมที่ฝังอยู่อย่างแนบแน่นในหัวใจของชาวล้านนาตั้งแต่อดีตกาลจนถึงปัจจุบัน

Loading