กลุ่มชาติพันธุ์ไทลื้อ
“ไทลื้อ เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่พูดภาษาตระกูลไทยอีกกลุ่มหนึ่งอาศัยอยู่ในบริเวณภาคเหนือของประเทศไทยอีกกลุ่มหนึ่งอาศัยอยู่ในบริเวณภาคเหนือของประเทศไทยภาคตะวันออกเฉียงเหนือของรัฐฉาน ภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีน และภาคเหนือของลาว ชาวไทลื้อในสิบสองพันนามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับไทยวนล้านนาในยุค “เก็บผักใส่ซ้า เก็บข้าใส่เมือง” ชาวไทลื้อจากสิบสองพันนาได้ถูกกวาดต้อนลงมาอยู่ในล้านนาจำนวนมากชาวไทลื้อนับถือศาสนาพุทธและปฏิบัติตามจารีตประเพณีทางพุทธศาสนา” (ข้อมูลในแผ่นพับ)
ไทลื้อ เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่พูดภาษาตระกูลไทยอีกกลุ่มหนึ่งอาศัยอยู่ในบริเวณภาคเหนือของประเทศไทยอีกกลุ่มหนึ่งอาศัยอยู่ในบริเวณภาคเหนือของประเทศไทยภาคตะวันออกเฉียงเหนือของรัฐฉาน ภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีน และภาคเหนือของลาว ชาวไทลื้อในสิบสองพันนามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับไทยวนล้านนาในยุค “เก็บผักใส่ซ้า เก็บข้าใส่เมือง” ชาวไทลื้อจากสิบสองพันนาได้ถูกกวาดต้อนลงมาอยู่ในล้านนาจำนวนมาก ชาวไทลื้อนับถือศาสนาพุทธและปฏิบัติตามจารีตประเพณีทางพุทธศาสนา
เดิมชาวไทลื้อ มีถิ่นที่อยู่บริเวณ เมืองลื้อหลวง ต่อมาได้เคลื่อนย้ายลงมาอยู่บริเวณเมืองหนองแส หรือที่เรียกว่าคุนหมิงในปัจจุบัน แล้วย้ายลงมาสู่ลุ่มน้ำโขง สิบสองปันนาปัจจุบัน ประมาณศตวรรษที่ ๑๒ จึงเกิดมีวีรบุรุษชาวไทลื้อชื่อ เจ้าเจื่องหาญ ได้รวบรวมหัวเมืองต่าง ๆ ในสิบสองปันนา ปัจจุบันตั้งเป็นอาณาจักรแจ่ลื้อ (เซอลี่) โดยได้ตั้งศูนย์อำนาจการปกครองเอาไว้ที่หอคำเชียงรุ่ง นาน ๗๙๐ ปี ต่อมาถึงสมัยเจ้าอิ่นเมืองครองราชย์ ต่อมาในปี ค.ศ. ๑๕๗๙ –๑๕๘๓ (พ.ศ. ๒๑๒๒-๒๑๒๖) ได้แบ่งเขตการปกครองเป็นสิบสองหัวเมือง แต่ละหัวเมืองให้มีที่ทำนา ๑,๐๐๐ หาบข้าว (เชื้อพันธุ์ข้าว) ต่อนาหนึ่งที่/หนึ่งหัวเมือง
จึงเป็นที่มาจนถึงปัจจุบันเมืองสิบสองปันนาได้แบ่งเขตการปกครองเอาไว้ในอดีตดังนี้ ชาวไทลื้ออาศัยอยู่
สองฝั่งแม่น้ำโขง คือ ด้านตะวันออกและตะวันตกของแม่น้ำ มีเมืองต่างๆ ดังนี้ ภาษาไทลื้อ ได้กล่าวไว้ว่า ห้าเมิงตะวันตก หกเมิงตะวันออก รวมเจียงฮุ่ง (เชียงรุ่ง) เป็น ๑๒ ปันนา และทั้ง ๑๒ ปันนานั้น ประกอบด้วยเมืองใหญ่น้อยต่าง ๆ เช่น
ฝั่งตะวันตก : เมืองแช่ เมืองลวง เมืองหุน เมืองฮาย และเมืองมาง
ฝั่งตะวันออก : เมืองล้า เมืองฮิง เมืองพง เมืองงาด์ เมืองอูเหนือและเมืองเชียงทอง
การขยายตัวของชาวไทลื้อสมัยเจ้าอินเมืองได้เข้าตีเมืองแถน เชียงตุง เชียงแสน และล้านช้าง กอบกู้บ้านเมืองให้เป็นปึกแผ่น พร้อมทั้งหัวเมืองไทลื้อเป็นสิบสองเขต เรียกว่า สิบสองปันนา และในยุคนี้ได้มีการอพยพชาวไทลื้อบางส่วนเพื่อไปตั้งบ้านเรือนปกครองหัวเมืองประเทศราชเหล่านั้น จึงทำให้เกิดการกระจายตัวของชาวไทลื้อ ในลุ่มน้ำโขงตอนกลาง (รัฐฉานปัจจุบัน) อันประกอบด้วย เมืองยู้ เมืองยอง เมืองหลวง เมืองเชียงแขง เมืองเชียงลาบ เมืองเลน เมืองพะยาก เมืองไฮ เมืองโก และเมืองเชียงทอง (ล้านช้าง)
เมืองแถน (เดียนเบียนฟู) ซึ่งบางเมืองในแถบนี้เป็นถิ่นที่อยู่ของชาวไทลื้ออยู่แล้ว เช่น อาณาจักรเชียงแขง ซึ่งประกอบด้วย เมืองเชียงแขง เมืองยู้ เมืองหลวย เมืองเชียงกก เมืองเชียงลาบ เมืองกลาง เมืองลอง เมืองอาน เมืองพูเลา เมืองเชียงดาว เมืองสิง เป็นต้น
ชาวไทลื้อ มักใช้สัญลักษณ์ นกยูง ซึ่งจะเห็นปรากฏในลวดลายบนผ้า และสิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ และมักจะมีการทำตุงผ้า ส่วนใหญ่เป็นลวดลายช้างร้อย ม้าร้อย วัว ควาย ซึ่งมาจากเรื่องพระเวสสันดร ตอนไถ่ตัวกัญหา-ชาลี
กลุ่มชาติพันธ์ “ลื้อ/ยอง/ขึน (เขิน)”
“ลื้อ” ชาวไทลื้อที่มีถิ่นฐานเดิมอยู่ที่แคว้นสิบสองปันนา ทางตอนใต้ของประเทศจีน มีประวัติการเคลื่อนย้ายถิ่นฐานไปยังรัฐฉาน ประเทศพม่า
“ยอง” ชาวไทลื้อที่มีถิ่นฐานเดิมอยู่ที่เมืองยอง อำเภอหนึ่งของเมืองเชียงตุง รัฐฉาน ประเทศพม่า
“ขึน/เขิน” ชาวไทลื้อ (+ไทใหญ่?) ที่อาศัยอยู่ในประเทศพม่า จีน ไทย และประเทศลาว ตั้งชุมชนหนาแน่นที่บริเวณลุ่มแม่น้ำขึนเมืองเชียงตุง รัฐฉาน ประเทศพม่า
ประวัติศาสตร์ “ลื้อ”
– “เมืองลื้อหลวง” หรือ “ลือแจง”
– “เมืองหนองแส” คุนหมิง ประเทศจีน
– “ย่าคำแดง” ย้ายลงมาสู่ลุ่มน้ำโขง
– “เมืองลื้อใหม่” แคว้นสิบสองปันนาทางตอนใต้ของประเทศจีน เมืองหลวง คือ เมืองเชียงรุ่ง
– “เจ้าเจื๋องหาญ” อาณาจักรแจ่ลื้อ (เซอลี่) ศูนย์กลางหอคำเชียงรุ่ง ๗๙๐ ปี
– “เจ้าอิ่นเมือง” รัชกาลที่ ๒๔ (พ.ศ. ๒๑๒๒-๒๑๒๖) ชาวลื้อ ๒ ฝั่งโขง : ห้าเมิงตะวันตก หกเมิงตะวันออก + เชียงฮุ่น (เชียงรุ่ง)
– ตีเมืองแถง เชียงตุง เชียงแสน ล้านช้าง
– “สยาม” สมัยรัชกาลที่ ๑ ยุคเจ้าฟ้าอัตถวรปัญโญ และเจ้าสุมนเทวราช สมัยรัชกาลที่ ๕ ยุคเจ้าสุริยะพงษ์
ประวัติศาสตร์ “ยอง”
– เมืองยอง รัฐฉาน ประเทศพม่า
– “มหิยังคนคร”
– อพยพครั้งสำคัญ สมัยรัชกาลที่ ๑ “ลำพูน” เชียงใหม่ เชียงราย น่าน
ประวัติศาสตร์ “ไทขึน”
– “แม่น้ำขึน” ไหวผ่านเมืองเชียงตุงจากตะวันตกขึ้นไปทางเหนือ แล้วไหลลงมาทางใต้
– ไทขึน (พลเมืองหลักเมืองเชียงตุง รัฐฉาน ประเทศพม่า แทนที่กลุ่ม “ลัวะ”
– ตำนานพื้นเมืองเชียงตุง
- ชาวโยน กับ “เขินหลวง ๙๖ คน”
- “เขินหลวง ๙๖ คน” กับการเป็นซามูไรในบัญชาของ “ยามาดะ นางามะซะ” อดีตขุนนางญี่ปุ่นในสมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม สมัยกรุงศรีอยุธยา
– ประชากรหลัก “ลื้อ”
- ไทย – เชียงราย เชียงใหม่ ลำพูน พะเยา ลำปาง แพร่ น่าน
- ลาว – หลวงน้ำทา บ่อแก้ว หลวงพระบาง
- พม่า – เชียงตุง
- เวียดนาม – เตียนเปียนฟู
- จีน – สิบสองปันนา
ภาษา
– ตระกูลภาษาไทกะได
– ชาวไทลื้อมีภาษาพูดและภาษาเขียนเป็นของตัวเอง
– ลักษณะเด่นของภาษาไทลื้อ คือ การเปลี่ยนแปลงเสียงสระภายในคำโดยการเปลี่ยนระดับของลิ้น
– เสียงบางเสียงจะแตกต่างไปจากภาษาไทยวน เช่น สระเอีย เป็น เอ เช่น เมีย เป็น เม สระอัว เป็น โอ เช่น ผัว เป็น โผ สระเอือ เป็น เออ เช่น เกลือ เป็น เกอ
– เสียงวรรณยุกต์ของไทลื้อมี ๖ เสียง เหมือนภาษาไทยวนแต่มีลักษณะแตกต่างไป
– คำศัพท์ที่ใช้ในภาษาไทลื้อมักเป็นภาษาถิ่นตระกูลไท หรือ คำศัพท์ไทดั้งเดิมเป็นส่วนใหญ่ ไม่มีความหมายซับซ้อนมากนัก
การแต่งกาย
ผู้หญิง | ผู้ชาย |
– “เสื้อปั๊ด” แขนยาวตัดเสื้อเข้ารูป เอวลอย มีสายหน้าเฉียงผูกติดกันด้วยด้ายฟั่นหรือแถบผ้าเล็ก ๆ ที่มุมซ้ายหรือขวาของลำตัว
– สวมซิ่นไทลื้อที่มีลวดลายกลางตัวซิ่น ส่วนหัวซิ่นเป็นผ้าฝ้ายสีดำหรือสีน้ำตาล ขาว ส่วนตีนซิ่นเป็นผ้าพื้นสีดำ – โพกหัวด้วยผ้าสีขาว |
– เสื้อนิยมยกลอยขึ้นทั้งสองข้าง สาบเสื้อขลิบด้วยแถบผ้าสีต่าง ๆ
– ประดับด้วยกระดุมเม็ดเล็กเรียงกัน – โพกหัวด้วยผ้าสีขาว |