นิทรรศการกลุ่มชาติพันธุ์และเครื่องแต่งกาย

ชาติพันธุ์ในล้านนา

การจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์

.  กลุ่มภาษา

๑.๑  ออสโตรเอเชียติก  (Austro Asiatic Languages)  หมายถึง เอเชียใต้ อีกชื่อหนึ่ง คือ “มอญ-เขมร” ภาษากลุ่มใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และบางส่วนในอินเดียและบังกลาเทศ ภาษาดั้งเดิมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอินเดียตะวันออก  ในบรรดาภาษากลุ่มนี้ทั้งหมด ภาษาเวียดนาม ภาษาเขมรและภาษามอญเป็น ภาษาที่มีบันทึกทางประวัติศาสตร์ยาวนานที่สุด  กลุ่มชาติพันธุ์ที่จัดแสดงในอาคารสถาบันล้านนาศึกษา คือ ลัวะ (LUA)

๑.๒  ไท – กะได (Tai – Kadai  Languages)  เป็นตระกูลภาษาที่มีเสียงวรรณยุกต์ พบในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และตอนใต้ของประเทศจีน   กลุ่มชาติพันธุ์ที่จัดแสดงในอาคารสถาบันล้านนาศึกษา คือ ไทใหญ่  ไทลื้อ ไทขึน/ไทเขิน  ไทยอง   ไทยวน  และรวมไปถึง ไทดำ/ลาวโซ่ง  ไทย   ผู้ไท  พวน  ลาว  ลาวแง้ว แสก  ลาวครั่ง

๑.๓  จีน – ทิเบต  (Sino – Tibetan Language) เป็นตระกูลของภาษาที่รวมภาษาจีนและตระกูลภาษาย่อยทิเบต – พม่า มีจำนวนประมาณ ๒๕๐ ภาษา ส่วนใหญ่เป็นภาษาในเอเชียตะวันออก  ภาษาในตระกูลนี้มีลักษณะร่วมกันคือมีเสียงวรรณยุกต์  พบในกลุ่ม จีนฮ่อ กะเหรี่ยง ลีซอ  มูเซอ  อาข่า อีก้อ

๑.๔  ออสโตรเนเชี่ยน  เป็นตระกูลภาษาที่มีผู้พูดกระจายไปทั่วหมู่เกาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และมหาสมุทรแปซิฟิก และมีจำนวนน้อยบนผืนแผ่นดินของทวีปเอเชีย เกิดจากการประสมคำว่า Austro แปลว่า ลมใต้ รวมกับภาษากรีก nesos แปลว่า เกาะ  เช่น ภาษามาเลย์ ภาษาจาม ภาษามอเก็น (Moken)

๑.๕  ม้ง – เมี่ยน   เป็นตระกูลภาษาเล็กๆ  ใช้กันทางตอนใต้ของประเทศจีนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ใช้พูดกันในแถบภูเขาสูงตอนใต้ของจีน เช่น มณฑลกุ้ยโจว หูหนาน ยูนนาน เสฉวน กวางสี  และมณฑลหูเป่ย ที่เรียกกันว่า “ชาวเขา”  พบในกลุ่ม เมี่ยน /เย้า  และ ม้ง /แม้ว

 

๒.  ตำนาน   

          ตำนานน้ำเต้าปุง  ตำนานของผู้คนในแถบอาเซียนเล่าถึงตำนานการเกิดเผ่าพันธุ์ของมนุษย์เอาไว้ว่า ในสมัยที่ฟ้ากับดินยังติดต่อกันได้ ผีและคนเที่ยวไปมาหาสู่กัน บนฟากฟ้ามีแถนเป็นใหญ่ บนดินมีขุนคานปลูกบ้านสร้างเมืองในเมืองลุ่ม  ในครั้งนั้นแถนได้บอกแก่ขุนคานว่า ให้บอกกล่าวแก่ผู้คนทั้งหลายว่า หากจะทำอะไรต่อดินฟ้าหรือธรรมชาติ ต้องมีการบอกกล่าวแก่แถน และให้ส่งข้าวส่งปลาไปยังเมืองแถนบนฟากฟ้าด้วย
แต่…มาถึงสมัยหนึ่งผู้คนกลับไม่เชื่อฟังแถนและไม่ยอมปฏิบัติตามดังที่แถนเคยสั่งไว้   แม้ว่าแถนจะลงมาเตือนถึงสองครั้งสองครา   เพื่อให้มนุษย์กลับไปส่งข้าวปลาให้แถนผู้คนก็ยังไม่นำพา… แถนจึงบันดาลให้เกิดน้ำท่วมเมือง   ผู้คนพากันล้มตายฉิบหายหมด  เมื่อนั้นขุนคานและผู้เป็นใหญ่รวม ๓ คน รู้ว่าแถนโกรธ จึงพากันต่อแพให้ลอยขึ้นไปหาแถนบนฟ้า บอกเล่าเหตุการณ์ต่างๆให้แถนฟัง แถนกล่าวว่าสมควรแล้วเพราะมนุษย์ไม่เชื่อฟังตน ขุนคานและผู้เป็นใหญ่ทั้งสามต้องอยู่เฝ้าแถนกระทั่งน้ำลด จึงขอลาแถนลงมายังเมืองลุ่ม แถนให้ควายลงมาด้วย๓ ตัว ขุนทั้ง ๓  ทำนาได้ ๓ ปี ควายก็ตาย แล้วเกิดเครือหมากน้ำเต้า ออกมาจากรูจมูกควายถึง ๓ ลูก มีผู้คนมากมายเกิดออกมาจากผลน้ำเต้านั้นปู่ลางเชิงผู้เป็นหนึ่งในผู้เป็นใหญ่ หยิบเอาเหล็กไปเจาะ เกิดเป็นคนออกมา ๒ กลุ่มคือ ไทยลมและไทยลี  ขุนคานจึงนำเหล็กอีกท่อนหนึ่งไปเจาะอีกรูหนึ่งของน้ำเต้า จึงเกิดออกมาเป็นไทเลิง ไทลอ และไทควง  คนที่ออกจากรูน้ำเต้าที่ต่างกัน ก็ถือเป็นคนที่ต่างกัน คนที่ออกจากรูเล็กกว่าถือเป็นข้าหรือข่า ส่วนคนที่ออกมาจากรูที่ใหญ่กว่าให้ถือเป็นไทคนทั้งหลายแต่งงานออกลูกหลานมากมาย  ทำมาหากินกันมาเนิ่นนานและเริ่มไม่เชื่อฟังผู้ปกครองและแถนเช่นเดิม  ผู้เป็นใหญ่แห่งผืนดินทั้งสาม จึงขึ้นไปเฝ้าแถนอีกครั้งหนึ่ง  แถนจึงส่งขุนครูและขุนครอง ลงมา แต่ปรากฏว่าทั้งสองกลับไม่สนใจปกครองบ้านเมือง ทำให้ไพร่ฟ้าเป็นทุกข์กันมากยิ่งขึ้น  ขุนคานและพรรคพวกต้องกลับไปเฝ้าแถนอีกครั้ง เพื่อให้ขุนครูและขุนครองกลับขึ้นไปยังเมืองแถนจากนั้นแถนจึงส่งขุนบูลม ลงมาที่นาน้อย อ้อยหนู  ขุนบูลมสร้างบ้านแปงเมือง มีลูก ๗ คน ส่งไปครองเมืองต่างๆ หลังจากนั้น แถนก็ไม่ให้มนุษย์บนผืนดินขึ้นไปยังเมืองแถนบนฟากฟ้าได้อีก ทำให้ผีและคนไปมาหากันไม่ได้อีกต่อไป….

 

๓.  อัตลักษณ์

          จากการรวมรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์ในฐานข้อมูลงานวิจัยทางชาติพันธุ์ในประเทศไทย ตามหลักการจำแนกด้วยชื่อเรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง พบว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า ๖๒ กลุ่ม และหากจำแหนด้วยเกณฑ์ทางด้านภาษาศาสตร์ ตามแนวทางของศูนย์ศึกษาฟื้นฟูทางภาษาและวัฒนธรรมในภาวะวิกฤต มหาวิทยาลัยมหิดล มีการกระจายทางภาษา ในตระกูลภาษาต่าง ๆ ๕ ตระกูล มีจำนวนกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า ๗๐ กลุ่ม

Loading