เราได้ใช้คุกกี้(Cookie)เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์และการเข้าถึงเนื้อหาเว็บไซต์นี้ให้ดียิ่งขึ้น โดยปฏิบัติตาม นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ พ.ศ. 2565
Learn More
ยอมรับ
Digital Collections
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณ
ดู
Home
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณ
ดู
id
372
รหัสเอกสาร
CMRU-CT-05-B-022
ชื่อเรื่อง
พรหมโสชาดก
ชื่อรอง 1
หมาหลวง
ชื่อรอง 2
ชื่อรอง 3
ประเภทเอกสาร
พับสา
หมวด
ชาดก
จำนวน
17 หน้า (พับสาขนาดใหญ่)
ภาษา
ไทขืน
อักษร
ไทขึน
ผู้สร้าง/ผู้แต่ง
ไม่ปรากฏ
ผู้สนับสนุน/ผู้จัดพิมพ์
พระคุรุครูบาธัมมกถสุนทร เจ้าอาวาสวัดม่อนเรือ
ผู้บริจาค
ปี
~ พ.ศ. 2513 / จ.ศ. 1332 (อายุประมาณ 55 ปี)
สภาพ
สมบูรณ์
รูปภาพ
สถานที่จัดเก็บ
วัดม่อนเรือ เมืองเชียงตุง
ข้อความท้ายเอกสาร
รายละเอียดโดยย่อ
ในสมัยหนึ่ง พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นพระญาพรหมโส ปกครอง้เมืองกุสุมภะนคร ปกครองด้วยทศราชธรรม แต่มีชาวเมืองจำนวนหนึ่งที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ ประกอบด้วยอกุสลกรรม ไม่ให้ทาน รักษาศีล และเจริญสมาธิภาวนาแต่อย่างใด..แม้พระญาเจ้าเมืองจะสั่งสอนอย่างไรก็ไม่ได้ผล... ..ร้อนถึงพระอินทร์ที่จะต้องมาแก้ไขปัญหาบ้านเมือง จึงเนรมิตตนเป็นหมาตัวหนึ่ง และให้มาตลีเทวบุตรเนรมิตตัวเป็นหมาตัวใหญ่ (หมาหลวง) ลงมาส่งเสียงร้องก้องเมือง เป็นที่น่าสะพรึงกลัว.. ชาวเมืองทั้งหลายจึงหลบเข้าไปอยู่ในบ้าน ส่วนพระญาพรหมโสก็หนีไปอยู่บนปราสาทชั้นที่ ๗ แล้วเปิดหน้าต่างดู เมื่อเห็นหมาตัวใหญ่มาเห่าหอนก้องอยู่ จึงตรัสถามว่าเหตุใดจึงทำเช่นนั้น พระญาหมาก็บอกว่าหิว พระญาพรหมโสจึงให้บริวารนำข้าวสุกมาให้ หมาตัวนั้นก็ทำให้เป็นก้อนแล้วกลืนกินครั้งเดียวก็หมด ก็เห่าหอนอีก พระญาพรหมโสก็ตรัสถามอีกก็ได้คำตอบว่ายังไม่อิ่ม พระญาพรหมโส จึงให้ไปน้ำข้าวสุกจากชาวเมืองมาให้อีกแต่หมาตัวใหญ่นั้นก็ยังไม่อิ่ม เมื่อข้าวในเมืองหมดแล้วแต่หมาตัวนั้นยังไม่อิ่ม และเห่าหอนอยู่ พระญาพรหมโสจึงบอกว่าข้าวหมดแล้ว ท่านยังไม่อิ่มหรือ หมาตัวใหญ่นั้นได้บอกว่าอยากกินเนื้อมนุษย์ที่เป็นคนใจบาป เพราะเนื้อของคนที่ให้ทาน รักษาศีล และเจริญสมาธิภาวนานั้นไม่อร่อย แต่เนื้อของคนใจบาปที่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต หรือคนไม่มีศีลธรรมนั้นจะหวานอร่อยกว่า... พระญาพรหมโสจึงให้บริวารไปปล่าวหาคนที่ใจบาปอธรรมเพื่อมาให้หมากิน.. ชาวเมืองที่เคยเป็นคนบาปหนาทั้งหลายก็หวาดกลัวกันมาก จึงรู้สึกเสียใจและสำนึกผิด.... เมื่อชาวเมืองกลัวเกรงและสำนึกผิดแล้ว พระอินทร์จึงแสดงตัวให้พระญาพรหมโสและชาวเมืองทราบว่าตนคือพระอินทร์แปลงกลายมาสั่งสอนสัตว์โลกให้เกรงกลัวต่อบาป..แล้วเนรมิตต้นกัลปพฤกษ์ที่อุดมด้วยเงินทองและสิ่งของเครื่องใช้นานา แล้วบอกว่าหากผู้ใดหมั่นให้ทาน รักษาศีล เจริญสมาธิภาวนาก็จะได้ครอบครองและบริโภคทรัพย์สมบัตินี้และมีความสุข...และเกิดมาพบกับพระพุทธศาสนา.อุปมาเหมือนคนยากจนไปตัดฟืนในป่าพบกับขุมทรัพย์ก็ย่อมทำให้พ้นจากความทุกข์ยากลำบาก... เมื่อสั่งสอนชาวเมืองแล้วก็เหาะกลับไปยังสวรรค์ชั้นฟ้า... ส่วนพระญาพรหมโสที่ปกครองบ้านเมืองด้วยทศราชธรรม เมื่อสิ้นอายุขัยก็ได้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิต...ชาวเมืองที่ทำความดีก็จะได้ไปเสวยสุขตามบุญสมพารที่ตนได้กระทำไว้... ท้ายของพระธรรมเทศนานี้ พระพุทธเจ้าได้ตรัสสโมธานว่า.. -พระอินทร์ที่มาสั่งสอนตักเตือนชาวเมืองนั้นคือพระอนุรุทธะในปัจจุบัน -มาตลีเทวบุตรที่เนรมิตเป็นหมาหลวง คือพระอานนท์ในปัจจุบัน -ชาวเมืองทั้งหลายที่ทำดีหรือกลับใจเป็นคนดี จึงได้เกิดมาบริษัทสี่จำพวกในปัจจุบัน -พระญาพรหมโส ที่ครองเมืองกุสุมภะนคร คือพระพุทธองค์เอง.. ------ (เรื่องนี้จะมีความสับสนระหว่างบทบาทของพระอินทร์กับมาตลีบุตร ที่เนรมิตเป็นหมา..ตอนต้นบอกว่ามาตลีเทวบุตรเนรมิตเป็นหมาหลวง พระอินทร์เนรมิตเป็นหมาอีกตัวหนึ่ง..แต่เวลาดำเนินเรื่องไม่ได้กล่าวว่าหมาที่เห่าหอนก้องเมืองนั้นคือใคร..แต่น่าจะเป็นหมาหลวง (ตัวเท่าม้า) คือมาตลีเทวบุตรมากกว่า)
หมายเหตุ
ตอนท้ายเอกสารมีอักษรไทเหนือ
ผู้บันทึก
นายดิเรก อินจันทร์
ประเทศ
เมียนมาร์
ภูมิภาค
จังหวัด
อำเภอ
ตำบล
latitude
longitude
timestamp
:
211
รหัสเอกสาร
ชื่อเรื่อง
ชื่อรอง 1
ชื่อรอง 2
ชื่อรอง 3
ประเภทเอกสาร
หมวด
จำนวน
ภาษา
อักษร
ผู้สร้าง/ผู้แต่ง
ผู้สนับสนุน/ผู้จัดพิมพ์
ผู้บริจาค
ปี
สภาพ
สถานที่จัดเก็บ
ข้อความท้ายเอกสาร
รายละเอียดโดยย่อ
หมายเหตุ
ผู้บันทึก
latitude
longitude
Crop