เราได้ใช้คุกกี้(Cookie)เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์และการเข้าถึงเนื้อหาเว็บไซต์นี้ให้ดียิ่งขึ้น โดยปฏิบัติตาม นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ พ.ศ. 2565
Learn More
ยอมรับ
Digital Collections
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณ
ดู
Home
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณ
ดู
id
371
รหัสเอกสาร
CMRU-CT-02-B-0103
ชื่อเรื่อง
อ้ายร้อยขอด
ชื่อรอง 1
ทุคคตะอ้ายร้อยขอด
ชื่อรอง 2
ชื่อรอง 3
ประเภทเอกสาร
พับสา
หมวด
ชาดก
จำนวน
1 ผูก
ภาษา
ไทขืน
อักษร
ไทขึน
ผู้สร้าง/ผู้แต่ง
ไม่ปรากฏ
ผู้สนับสนุน/ผู้จัดพิมพ์
ไม่ปรากฏ
ผู้บริจาค
ปี
~ พ.ศ. 2489 / จ.ศ. 1308 (อายุประมาณ 78 ปี)
สภาพ
สมบูรณ์
รูปภาพ
DSCF1
สถานที่จัดเก็บ
วัดพระธาตุหลวงจอมคำ เมืองเชียงตุง
ข้อความท้ายเอกสาร
ธัมม์ชาดกชื่อว่าเจ้าร้อยขอดข้าแล เจตนาสัทธา.....เปนเคล้า ลูกเต้าพี่น้องวงสาทังมวล มาแต้มทานไว้ค้ำชูสาสนา 5000 วัสสาพระเจ้า ขอหื้อได้ถอบพระอริยเมตไตรยเจ้าตนจักเกิดมาผวดสัตตโลกทังมวล หลอนว่าสมพารข้าเข้าแลยังกล้ายังแก่ ขอหื้อได้ถึงแต่มหารัพพานเที่ยงแท้อย่าคลาดอย่าคลา ขอหื้อพ้นเสยังทุกขเวทนาไจ้ๆ ขอหื้อรอดนิพพาน หลอนว่ากุสสละนาบุญยังไปล่ทันกล้าทันแก่ ยังจักได้ฅืนมาแต่ในวัฏฏสงสารดั่งอั้น ขอหื้อได้ถาบทานปารมี สีลปารมี เตื่อมแถมสมพาร ค้ำชูสาสนาสัพพัญญูพระพุทธเจ้า ขอหื้อได้เข้าสู่นิพพาน ข้ามาส้างทานในปี 1308 ตัว แต้มแล้วเดือน 11 ออก 10 ฅ่ำ ข้าแด่ ฯ นิจํ วตฺต นิพฺพานํ สุกฺขํ วตฺต นิพฺพานํ สารํ วตฺต นิพฺพานํ นิพฺพาน ปจโย โหนฺตุ โน นิจํ ฯ 1308 ฯ
รายละเอียดโดยย่อ
พระพุทธเจ้าทรงนำชาดกเรื่องนี้มาแสดงแก่ภิกษุทั้งหลาย เรื่องการบำเพ็ญบารมีในอดีตชาติ ดังนี้ ณ เมืองอินทปัฏฐนคร มีพระญาสีวิมติมหาราชเป็นกษัตริย์ปกครอง มเหสีพระนามว่านางคันธวดี มีพระโอรส 6 พระองค์ และธิดาคนสุดท้องชื่อนางแก้วรัตนพิมพา ซึ่งมีสิริโฉมงดงามยิ่ง ในสมัยนั้นพระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นทุคคตะกุมาร ครอบครัวยากจนมากต้องไปรับจ้างทำงานเลี้ยงชีพ ได้ผ้ามาผืนหนึ่งจึงใช้ผ้านั้นเป็นเครื่องนุ่งห่มให้บุตรชายของตน ต่อมาบิดาและมารดาได้เสียชีวิตไปตามลำดับ ปล่อยให้ทุคคตะกุมารได้รับความทุกข์ยากลำบากและกำพร้า ต้องไปขอทานตามบ้านต่างๆ เสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่ก็ขาดวิ่น เมื่อส่วนไหนขาดหรือเป็นรูก็จะนำมาขอดหรือมัดไว้ เมื่อนานเข้าขอดนั้นจึงมีจำนวนมาก ชาวบ้านต่างๆ จึงมานับดูจำนวนขอดหรือมัดไว้พบว่ามีมากมายถึง ๑๐๐ ขอด ชาวบ้านจึงเรียกกุมารน้อยนั้นว่า "อ้ายร้อยขอด" อยู่มาวันหนึ่งพระญาเจ้าเมืองอินทปัฏฐนครจะทำบุญถวายผ้าและอัฏฐบริขารแก่ภิกษุสงฆ์ นางแก้วรัตนาได้เดินทางล่วงหน้าพระบิดาไปถึงวัดก่อน ขณะเดียวกันนั้นชายทุคคตะเมื่อทราบข่าวการทำบุญครั้งนั้นจึงไปในวัดนั้นด้วย เพื่อจะได้ขอข้าวปลาอาหารจากพระภิกษุสามเณรเมื่อเสร็จงานแล้ว แต่ครั้นเมื่อนางแก้วรัตนาเห็นอ้ายร้อยขอดอยู่ในวัดนั้น จึงเกิดความสงสารและอยากให้ได้ร่วมทำบุญด้วยเพื่อจะได้เกิดมาในชาติต่อๆ ไปจะไม่ต้องกลับมาเป็นเช่นปัจจุบันอีก จึงมอบผ้าและบริขารที่จะถวายทานนั้นให้อ้ายร้อยขอดอนุโมทนา.. ฝ่ายพระญาสีวิมติราชามาถึงแล้วจึงได้ทำบุญถวายทาน เมื่อจะเสด็จกลับพระโอรสได้กราบทูลให้ทราบว่านางแก้วรัตตาได้เอาของที่จะถวายนั้นไปให้อ้ายร้อยขอดร่วมอนุโมทนาด้วย ทำให้พระบิดาไม่พอพระทัยอย่างยิ่ง เพราะว่าเป็นการทำเสื่อมเสียพระเกียรติยศ จึงขับไล่ให้นางแก้วรัตนาไปอยู่กินกับอ้ายร้อยขอดที่นอกกำแพงเมือง ต่อมาเมื่อถึงฤดูกาลทำนา พระโอรสทั้ง 6 จึงไปไถนาและหว่านกล้า ฝ่ายอ้ายร้อยขอดเห็นเช่นนั้นจึงไปขอแบ่งที่เพื่อทำนาด้วย แต่ได้รับที่นาส่วนที่อยู่ไกลออกไป อ้ายร้อยขอดจึงให้นางแก้วรัตนาไปขอพันธุ์ข้าวและเครื่องมือในการทำนาจากพระบิดา เมื่อได้แล้วอ้ายร้อยขอดก็เอาควายไปไถนา ครั้นไถไปได้เล็กน้อยไถก็ไปโดนก้อนหินจนคันไถหัก อ้ายร้อยขอดจึงเอาไถนั้นให้นางแก้วรัตนาเอากลับไปคืนแลให้ขอยืมเตาและเส่า เพื่อจะมาเผาให้ก้อนหินนั้นแตก.. รุ่งขึ้นอ้ายร้อยขอดจึงเอาอุปกรณ์ต่างๆ ไปขัดและทำการเผาหินก้อนนั้นให้ร้อน แล้วเอาน้ำราดลงไปพร้อมกับทุบหินก้อนนั้นให้แตก แต่กลับพบว่าในหินก้อนนั้นมีแก้วมณีลูกหนึ่งสดใสงดงามและเปล่งรัศมีออกมา เขาจึงไปยืมไหจากเพื่อนมามาแล้วเอาใส่ไว้ในนั้นแล้วจึงนำไปเก็บไว้ที่กระท่อมของตน และบอกว่านั่นเป็นไหทธิ (นมส้ม ?) ต่อมาพระญาสีวิมติราชได้สั่งให้พระโอรสทั้ง 6 และอ้ายร้อยขอดที่เป็นราชบุตรเขยไปค้าขายที่เมืองจัมปานคร อ้ายร้อยขอดที่ทำหน้าที่เป็นจ่าเลี้ยงวัวและพ่อครัวเมื่อเห็นว่าพระราชโอรสทั้ง 6 ได้ไปค้าขายและซื้อสินค้าใกล้เสร็จแล้วจึงขออนุญาตนำไหทธิของตนที่นำติดตัวไปขาย เมื่ออ้ายร้อยขอดเดินไปในตลาด ชาวเมืองเห็นผ้านุ่งที่มัดขอดไว้จำนวนมากจึงมามุงดูด้วยความสงสัยและสงสาร จนเสียงร่ำลือเข้าไปถึงพระญาเจ้าเมืองจัมปานครๆ จึงให้นำตัวไปเข้าเฝ้า เมื่ออยู่ในท้องพระโรงแล้วอ้ายร้อยขอดก็นำไหออกมา แล้วบอกว่าต้องการขายไหใบนี้ พระญาเจ้าเมืองก็สงสัยว่าในไหนั้นมีอะไร อ้ายร้อยขอดจึงขอให้เอาผ้ามากั้นท้องพระโรงไว้ 7 ชั้น แล้วเปิดให้ดูเฉพาะพระญาเจ้าเมืองเท่านั้น เมื่อเปิดไหออกมารัศมีของแก้ววิเศษก็เปล่งแสงสุกใสไปทั่วท้องพระโรง พระญาเมืองจัมปานครเห็นเช่นนั้นจึงมีพระประสงค์ที่จะซื้อแต่ทั้งอ้ายร้อยขอดและพระญาเจ้าเมืองไม่สามารถกำหนดราคาได้ จึงให้ช่างแก้วประจำเมืองมากำหนด ช่างแก้วกราบทูลว่าแก้ววิเศษนี้มีค่ามาก มีค่าเท่าเงิน ๑ หมื่นกหาปณะ ทอง ๑ พันกหาปณะ และข้าทาสบริวาร ช้างม้าวัวควายอย่างละ ๑๐๐ พระญาเจ้าเมืองจึงตกลงซื้อตามนั้น ฝ่ายพระโอรสทั้ง ๖ เมื่อรออ้ายร้อยขอดนานหลายวันแล้วไม่เห็นกลับมา จึงพากันกลับเมืองอินทปัฏฐนครก่อน เมื่ออ้ายร้อยขอดขายแก้ววิเศษได้แล้วจึงยกขบวนตามไปทีหลัง ครั้นเมื่อใกล้ถึงแล้วจึงหยุดขบวนไว้หน้าประตูเมือง ฝ่ายพระญาสีวิมติราชได้ทราบข่าวว่ามีขบวนผู้คนจำนวนมากมาตั้งอยู่ที่นั่น ดำริว่าคงเป็นข้าศึกมาประชิดเป็นแน่แท้ จึงสั่งเตรียมทหารไว้ป้องกันเมือง ฝ่ายนางแก้วรัตนาก็ได้ออกไปดูจึงรู้ว่าเป็นสามีของตน จึงไปกราบทูลให้พระบิดาทราบความจริง... เมื่อพระญาสีวิมติราชทราบความจริงทั้งหมดจึงให้อ้ายร้อยขอดเข้ามาในเมือง แล้วมอบเมืองให้อ้ายร้อยขอดเป็นเจ้าเมืองแทนเพราะเป็นผู้มีบุญบารมีมาก เมื่ออ้ายร้อยขอดได้เป็นเจ้าเมืองก็ได้ทำบุญให้ทานเสมอ ปกครองบ้านเมืองด้วยทศราชธรรม และชาวเมืองอยู่เย็นเป็นสุขตั้งแต่นั้นมา...
หมายเหตุ
ผู้บันทึก
นายดิเรก อินจันทร์
ประเทศ
เมียนมาร์
ภูมิภาค
จังหวัด
อำเภอ
ตำบล
latitude
longitude
timestamp
:
42
รหัสเอกสาร
ชื่อเรื่อง
ชื่อรอง 1
ชื่อรอง 2
ชื่อรอง 3
ประเภทเอกสาร
หมวด
จำนวน
ภาษา
อักษร
ผู้สร้าง/ผู้แต่ง
ผู้สนับสนุน/ผู้จัดพิมพ์
ผู้บริจาค
ปี
สภาพ
สถานที่จัดเก็บ
ข้อความท้ายเอกสาร
รายละเอียดโดยย่อ
หมายเหตุ
ผู้บันทึก
latitude
longitude
Crop