Page 154 - เพชรราชภัฏ-เพชรล้านนา ประจำปี 2566
P. 154
๑๔๘
้
ี
ได้เคลื่อนไหว จะมีพลังงานแผ่ซ่านไปทั่ว ท าให้ผ่อนคลาย สมองก็ปลอดโปร่ง เพยงแค่ฟอนเจิงประมาณ
๕-๑๐ นาที จะรู้สึกดีขึ้นมาก
การฝึกเจิงแต่ไหนแต่ไรไม่มีการบัญญัติแนวคิดวิธีการฝึกไว้ชัดเจนเพราะตามจารีตจะสอนด้วยวาจาและ
การท าให้เห็นประจักษ์ การจดบันทึกมีน้อยโดยเฉพาะการวิเคราะห์ความรู้นั้นยังไม่พบเห็น แต่อย่างไรก็ตาม
การสอนเชิงวิเคราะห์สังเคราะห์ความรู้เป็นภูมิปัญญานั้นมีอยู่ในค าสอนและวิถีชีวิตซึ่งผู้เรียนจะสัมผัสเรียนรู้ผ่าน
การถามตอบจากปากครูและลงมือปฏิบัติเท่านั้น การฝึก "เจิงในหลักวงแหวนสองวง" เป็นค าที่นายศรัณ
ี่
สุวรรณโชติ บัญญัติใหม่ตามหลักการเก่าแก่ทได้รับถ่ายทอดมาเพอจัดหมวดหมู่แนวความคิดต่างๆ ในวิถีการฝึกเจิง
ื่
ที่ได้ประสบพบเจอ และได้ใช้เป็นหลักการฝึกฝนอบรมตนเสมอ
วงแหวนที่หนึ่งคือ "การฝึกศิลปะการฟ้อนเจิง"
วงแหวนที่สองคอ "การฝึกศาสตร์การต่อสู้"
ื
วงแหวนสองวงคล้องเกี่ยวกันไว้แม้เป็นคนละวงแต่ไม่หลุดออกจากกัน ต้องเข้าใจทั้งสองวงจรจึงจะเข้าใจ
เจิงและสามารถใช้แต่ละด้านอย่างมีประสิทธิภาพ หากฝึกด้านเดียวหรือวงเดียวก็ย่อมท าได้แต่จะขาดความสมบูรณ์
เรื่องนี้ผู้ฝึกจะรู้ดี อย่างน้อยหากนิยมการฟอนก็ต้องรู้หลักการต่อสู้ไว้บ้างหรือหากนิยมการต่อสู้ก็ต้องฝึกแม่ท่าฟอน
้
้
ก่อนอยู่ดี มันจึงมีในกันและกัน จากค าบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่หลายท่านยืนยันว่าเมื่อฝึกเจิงจะแบ่งเป็นสองชุม คือ
้
้
หมู่หูมฟอน และ หมู่หูมลายป๊อด คือ คนรักการฟอนกับคนรักการสู้นั่นเอง แต่ในบรรดาทั้งหมดผู้ที่ฝึกทั้งสองด้าน
จนช านาญย่อมถือว่าควบคุมสิ่งที่บรรลุได้ยากสองอย่าง และเมื่อสองวงแหวนผสานกันอย่างดีจะส่งผลให้เกิด
วงที่สาม
จากวงแหวนที่หนึ่ง "การฝึกศิลปะการฟอนเจิง" กลายเป็น “วงแหวนแห่งใจ” (ขยายจากการฟอน) และ
้
้
วงแหวนที่สอง "การฝึกศาสตร์การต่อสู้" กลายเป็น “วงแหวนแห่งกาย” (ขยายจากการต่อสู้) เพราะว่าไม่ใช่
ี
เพยงการฟอนหรือการต่อสู้เท่านั้นที่จะท าให้เข้าถึงเจิงในระดับสูง แต่ใจและกาย คือ ต้นก าเนิดทั้งมวลของเจิง
้
ี
เจิงจะสมบูรณ์เพยงใดขึ้นอยู่กับกระบวนการฝึกฝนทั้งสองนัยยะ คือ นัยยะของร่างกาย และนัยยะของจิตใจ
จึงจะสามารถจ าแนกหลักการฝึกที่ละเอยดขึ้น เกิดการตีความว่าสิ่งไหนคือกาย สิ่งไหนคือใจ ท าให้ร่างกาย
ี
และจิตใจเกิดการกล่อมเกลาทักษะการเรียนรู้เข้าไว้ในอณูของตัวเรา ครั้นต่อมา เมื่อครูนิกฝึกกายและใจ
ให้เข้าถึงเจิง กลับพบว่ามีอกหนึ่งวงแหวนที่เหลื่อมอยู่ระหว่างกายและใจ นั่นคือ “วงแหวนแห่งจิตวิญญาณ”
ี
วงแหวนนี้อธิบายยาก จะว่าไม่ควรจ าแนกแตกเพมก็ได้ แต่หากท าความเข้าใจได้ฝึกฝนได้ปฏิบัติได้ จะเกิด
ิ่
พัฒนาการไปอีกขั้นตอนหนึ่ง สรุปดังนี้