Page 65 - หนังสือรวมบทความ 2566
P. 65
๕๙
58
ไพพรรณ เกียรติโชคชัย (2545) สรุปความส าคัญของภูมิปัญญาชาวบ้าน ดังนี้
1. ภูมิปัญญาชาวบ้านนับเป็นรากเหง้าของวัฒนธรรมไทยที่ถ่ายทอดกันมาเป็นเวลายาวนาน
และเป็นมรดกไทยที่คนไทยทุกวันนี้ภาคภูมิใจ
2. ความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมของสังคมที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
้
“ภูมิปัญญาชาวบ้าน” ช่วยให้ชาวไทยพนวิกฤติต่าง ๆ ด้วยการใช้ปัญญา ความสามารถ และความคิด
สร้างสรรค์ในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ให้ลุล่วงไปด้วยดีมาโดยตลอด
3. ภูมิปัญญาชาวบ้านเป็นองค์ความรู้ที่มีขอบเขตกว้างขวางและลึกซึ้งมาก ซึ่งครอบคลุม
คตินิยม ความรู้ ความสันทัด การรู้เท่าทันธรรมชาติของสรรพสิ่งรอบตัว การเลือกเฟนความคิดและ
้
วิธีการมาใช้ในชีวิตประจ าวัน
ี
4. การเชื่อมโยงความรู้และประสบการณ์จากคนรุ่นหนึ่งสู่คนอกรุ่นหนึ่ง และจากชุมชนหนึ่ง
สู่อีกชุมชนหนึ่งอย่างไม่ขาดสาย
5. ภูมิปัญญาชาวบ้านล้วนแต่เป็นการศึกษา ค้นคว้า และเรียนรู้แบบเชิงประจักษ์จากปัญหา
ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเสมอในการด าเนินชีวิตประจ าวัน มีการทดสอบจากประสบการณ์จริงจนกว่าจะหา
ข้อสรุปที่ชัดเจนและสืบทอดต่อกันไป
ั
6. การถ่ายทอดความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ และการปฏิสัมพนธ์ในรูปแบบต่าง ๆ
ที่หลากหลายสาขาผสมผสานกัน นับว่าภูมิปัญญาชาวบ้านเป็นการเรียนรู้แบบองค์รวมที่ปัจจุบัน
เรียกว่า การเรียนรู้แบบบูรณาการ (Integrated Learning)
ี
7. วิธีการถ่ายทอดประสบการณ์ตรงจากคนรุ่นหนึ่งไปสู่คนอกรุ่นหนึ่ง ด้วยการท าให้ดู
ให้ลงมือท า และเลียนแบบอย่างที่ดีของภูมิปัญญาชาวบ้านที่ยึดถือปฏิบัติมา
จะเห็นได้ว่า ภูมิปัญญาชาวบ้าน เป็นมรดกทางความคิดที่บรรพบุรุษได้คิดขึ้นมา โดยใช้
ความคิด และการกระท าในการด าเนินชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการประกอบอาชีพ พธีกรรม ขนบธรรมเนียม
ิ
ประเพณี ศิลปะการแสดง ฯลฯ ซึ่งเป็นองค์ความรู้ในชุมชนที่ได้รับการอนุรักษ์ สืบสาน และถ่ายทอด
โดยปราชญ์ท้องถิ่น ซึ่งเป็นเจ้าของภูมิปัญญา และน าภูมิปัญญาดังกล่าวมาใช้ประโยชน์ในการด ารงชีวิต
จนประสบผลส าเร็จ สามารถถ่ายทอดและเชื่อมโยงคุณค่าของอดีตกับปัจจุบันได้อย่างเหมาะสม
ุ
(องค์การบริหารส่วนต าบลดินอดม, 2560) ซึ่งภูมิปัญญาดังกล่าวล้วนแต่เป็นมรดกทางความคิด
ที่ไม่สามารถตีมูลค่าออกมาเป็นตัวเงินได้ และเป็นที่น่าเสียดายว่าปัจจุบันภูมิปัญญาชาวบ้านเหล่านี้
คงเหลือให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาและเรียนรู้น้อยมาก (ประมวล พมพเสน, 2554) Nonaka & Takeuchi
ิ
์
้
(อางใน ชวลิต คงแก้ว, 2560) แบ่งความรู้ออกเป็น 2 ประเภท คือ 1) ความรู้ที่แจ้งชัด (Explicit